หากเขาไม่ใช่แบทแมนแล้วผมก็ไม่ใช่โรบิน หากไร้ค่ำคืนโหดร้ายต้องปกป้อง หากทุกอย่างหายไปจนหมด เราอาจกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักกันหรือไม่ก็รู้จักกันอย่างห่างๆ เป็นดั่งคนแปลกหน้าที่คุ้นเคย หากผมหลงไหลเขาเสียจนจะกรีดเลือดทุกหยดให้แต่ไร้ความกล้าจะเข้าใกล้ไม่อาจแม้แต่จะมองเขาด้วยซ้ำแค่เพียงสูดลมหายใจแผ่วเบาที่เขาปล่อยออกมาผมก็อบอุ่นจนไม่อาจหวังอะไรอีกแล้ว
ถ้าทุกๆอย่างที่แบทแมนและโรบินทำกลายเป็นเพียงการ์ตูนอ่านเล่นของเด็กๆ
บรู๊ซจะรักผมไหมหรือเกลียดเข้ากระดูกดำ อาจแค่เฉยเมยปล่อยให้ผมเพล้อไพลในห้วงความคิดแต่เพียงลำพัง แค่คิดฝันเท่านั้นความรู้สึกของผมก็วูบไหวไปมาด้วยความระส่ำ นานแค่ไหนแล้วที่ผมต้องเก็บกดอารมณ์เหล่านี้เอาไว้ ได้แต่ฝันและจินตนาการในช่วงไร้สติและตื่นขึ้นมาด้วยน้ำตานองหน้าว่ามันไม่ใช่แม้เพียงนิด ทรมานเกินทนไม่อยากจะรับรู้ความจริงอะไร หลายครั้งที่ผมต้องกินยานอนหลับแล้วภาวนาว่าอย่าให้ผมตื่นขึ้นมาอีกเลย ความตายนั้นง่ายกว่าการอยู่อย่างล่อเลี้ยงความหวังที่ไม่มีทางเป็นจริง
ผมนอนนิ่งไม่ไว้ติ่ง มองเพดานห้องนอนราวกับมันเป็นท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวอันงดงามที่ไม่เคยมีอยู่จริง ในหัวครุ่นคริดถึงสิ่งที่เตรียมการไว้ ยาที่ทำให้เวลาความจริงหยุดชะงัก หยุดการทำงานของร่างกาย ไร้สติ ไร้ซึ่งหน้ากากที่ปิดบังตัวตน ผมแค่อยากสัมผัสตัวตนเขาที่ไม่ใช่การสวมบทบาทเป็น บรู๊ซ เวย์น หรือแม้กระทั้งพ่อบุญธรรม
เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เงียบกริบไร้สิ่งกวนใจ ผมจัดแจ้งคลุมกายที่เปลือยเปล่าด้วยชุดกำมะหยี่สีดำหนา พรมน้ำหอมตามจุดชีพจร กลิ่นของความลับผสมความเศร้าดั่งน้ำตาจางๆที่ไหลยามถูกเขาเมินเฉยและไม่ลืมหยิบขวดยาเล็กๆใส่กระเป๋าเสื้อสีดำ ผมเดินอย่างแผ่วเบาไปตามทางเดินของบันไดก้าวลงไปสู่ถ้ำชื้นเย็นที่บรู๊ซกำลังนั่งทำงานอยู่อย่างสบายใจ ผมยิ้มให้เขาแบบที่ทำประจำเวลาอยู่ด้วยกันแค่เพียงลำพัง ยิ้มจากใจและความรู้สึก ถ้าเขาสังเกตสักนิดเขาคงจะรู้ว่าผมรักเขามากแค่ไหน
ผมเดินไปยังเคาร์เตอร์ด้านหลัง ตามปกติแล้วผมจะชงชาเอิลเกร์ย แต่คืนนี้มันจะแตกต่างออกไป ผมจัดการเปิดไวน์แดงรสเข้มจากทริปอิตาลีที่เราเคยไปด้วยกัน กลิ่นหอมฉุนจางๆอมเปรี้ยวลอยคลุ้ง ผมรินไวน์ไม่มากนักสองแก้ว ใส่ยาลงไปหมุนแก้วเล็กน้อยเพื่อให้ทุกอย่างเนียนสนิท หลับตาสูดดมกลิ่นระเหยของไวน์พลางจินตนาการทุกอย่างที่อยากทำ เดินมานั่งประชิดตัวใช้สายตาความหวาบหวามคลุกคลามตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเขาหันมามองผม ผมเพียงขยับตัวให้ชิดมากขึ้นให้กลิ่นน้ำหอมคละคลุ้ง จิบไวน์อย่างเนิบช้ายิ้มหวานให้อย่างที่เคย พลางส่งแก้วไวน์ใส่มือของบรู๊ซอย่างเชิญชวน เขามองผมอย่างกับเขารู้ทุกอย่าง ดวงตาสีฟ้าครามของเขาเข้มขึ้นจนผมไม่อาจละสายตาไปไหนได้ สวยงามเกินกว่าสิ่งใดในโลกหรือแม้แต่จินตนาการของผมเอง
ความอัดอั้นในใจเข้าถาโถมจนมือของผมสั่นดวงตาวูบไหวราวกับสัตว์ป่าที่ตื่นกลัว ตัวสั่นไปหมดจนไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกเช่นไรดี แถบหยุดหายใจเมื่อคิดว่าเขารู้ความคิดสกปรกของผมแต่อีกใจนึ่งก็ช่างหอมหวานเหลือเกินกับสายตาอบอุ่นรอยยิ้มละไม
กลิ่นน้ำหอมของเราผสมกันอย่างแยกไม่ออก บรู๊ซกุมมือผมแผ่วเบา แล้วดื่มจนหมดแก้วในครั้งเดียว น้ำตาของผมไหลถ่วมม่านตาหลากรินลงมาเกรอะกรังใบหน้า ผมเอิ่นเอยเบาหวิวจนแถบจะเป็นเสียงครางในลำคอ ผมขอโทษแต่ผมห้ามตัวเองไม่ได้ บรู๊ซไม่ตอบอะไร เขาทำเพียงจูบซับน้ำตาร้อนที่ดวงตาสองข้าง ซบอิงไหล่ของผมเนิ่นนานอย่างไร้เรี่ยวแรงก่อนจะหมดสติไป
ผมเอามือโอบลอบตัวบรู๊บกอดอย่างถวิลหาและรู้สึกผิดจนร้องไห้สั่นสะอื้นไปทั้งตัว คนบาปหยาบช้าที่อกตัญญูแม้แต่กระทั้งพ่อบุญธรรมของตัวเอง. ผมค่อยๆพยุงร่างที่ปวกเปียกขึ้นมา เสื้อบรู๊ซชื้นไปหมดด้วยหยาดน้ำวิปริต ความมืดพาเราทั้งคู่ไปยังห้องนอนอย่างทุลักทุเล ผมค่อยๆวางตัวเขาลงบนเตียง แหวกม่านออกให้แสงสาดส่อง ผมแหงนมองดวงจันทร์แหว่งหวิ่นครึ่งเสี่ยวแสนมืดมิดและสว่างนวลตา จิตใจของผมก็คงไม่ต่างกันมากนัก
ทั้งหม่นหมองมืดมิดด้วยความเก็บกดและแสดงมันออกมาอย่างหยาบคาย ผมอยากจะลูบไล้ทุกส่วนในร่างกายตามแต่ใจอยากทำ จูบพรมด้วยความถวิลหา กอบกุมความรักที่มีแทรกเร้นเข้าไปในกายเพื่อบอกว่าผมเคยเป็นส่วนหนึ่งในร่างของคุณแม้ว่าจะไม่รู้ตัวเลยก็ตาม อยากให้คุณไร้สติไปตลอดกาลและมีเพียงผมกับคุณเท่านั้นบนโลกใบนี้ แต่อีกใจผมก็อยากทำเพียงแค่จ้องมองอย่างห่างๆทั้งในยามที่สุขและทุกข์ ไม่ให้คุณรู้ว่าผมเจ็บปวดแค่ไหนและใช้เวลาทั้งชีวิตในการเป็นเงาตามติดคุณตลอดไป
ผมสัมผัสไปที่บานกระจก เย็นเชียบด้วยระอองฝนและลมหนาว ผมผละความคิดออกมาและเดินตรงไปที่บรู๊ซ ฝ่ามือสัมผัสลงที่ซอกคอ เย็นนิดหน่อยแต่ไม่อันตรายอะไร ผมหย่อนตัวนั่งข้างเตียง บรรจงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำออกรวมถึงกางเกงแสลคยาวที่บรรจงผ่านตามเรียวขาคู่นั้น แต่ละเม็ดเผยให้เห็นเนื้อผิวเนียนที่ผมคาดคิดไว้นุ่มและลื่นเหมือนผ้าไหมแต่แน่นตรึงตามกล้ามเนื้อเหมือนชายโดยทั่วไป
ผมช้อนร่างขึ้นมาและยึดศรีษะแนบอกไว้เพื่อจะได้ถอดเสื้อได้อย่างสะดวก พลางกดจมูกดมเต็มปอดตามซอกคอและไล้ผม ริมฝีปากเกลี่ยไล่ขบเม้มตามสันกรามได้รูปก่อนจะค่อยๆเแอ่นตัวบรู๊ซลงเพื่อจะได้ใช้มือสัมผัสไปตามทรวดทรงและมัดกล้ามเล็กๆที่หน้าท้องจากสัมผัสกลายเป็นบีบเค้นที่อก ข่วนจิกตามแผ่นหลังจนเลือดซึมติดเล็บอย่างเพล้อไพลเสียงอืออึ่งแต่เพียงลำพังของผมดังขึ้น
การหลับตาและจินตนาการทำให้ผมเตลิดไปไกล ผมเลียปลายนิ้วแดงฉานหวานละมุนอย่างไม่รู้เบื่อจนริมฝีปากมีแต่งแต้มด้วยคราบเลือด ผมปล่อยร่างของบรู๊ซให้นอนเหยียดสบายพลางซุกใบหน้าลงที่หน้าท้องอุ่น ครวญครางไม่เป็นภาษาเพราะมันสุขเกินกว่าสิ่งใดในโลก ลากไล้ปลายนิ้วไปทั่วหน้าขาตลอดจนสี่ข้างหรือแม้แต่ขาอ่อนด้านใน
ผมเคลื่อนตัวมานั่งที่ปลายเท้ายกขาของบรู๊ซไว้ที่หน้าตัก บีบคลึงและจ้องมองคนที่นอนไร้สติ เม้มริมฝีปากจูบอย่างห่วงแห้นที่ปลายเท้าทั้งสองข้างด้วยความนุ่มนวล มองใบหน้าที่เรียบนิ่งของบรู๊ซมันเหมือนกับความรู้สึกของเขาไม่มีผิด นิ่งเฉยต่อทุกๆสิ่ง ผมคลานขึ้นมาจากปลายเตียงและขึ้นคร่อม
ในความรักที่เย็นชืดบางที่ผมก็เกลียดเขาเสียจนอยากจะฆ่าให้ตาย โยนร่างทิ้งลงแม่น้ำให้ดิ่งจมไปกับความรู้สึกที่เออล้น ผมจ้องมองเนิ่นนานใจลอยกับอารมณ์ทุกอย่างที่ประเดประดรังกว่าจะรู้ว่าทำอะไรอยู่บรู๊ซก็หน้าแดงด้วยแรงมือของผมที่บีบคอเขา เมื่อผมรู้สึกตัวก็ถึงกับผงะกระโดดออกจากเตียงมายืนหอบหายใจเหมือนคนขาดอากาศ ผมตบตีร่างกายและใบหน้าอย่างบ้าคลั่ง แกมันบ้า พูดพร่ำกร้นด่าตัวเองกับสิ่งที่ทำ ทุกสิ่งในห้องแตกละเอียดย่อยยับ ผมนอนหมดสภาพกลางกองเศษแก้ว ปากแตกมีเลือดไหลแก้มบวมช่ำจากแรงตัวเอง ในมือถือขวดยานอนหลับไว้แน่นก่อนจะกรอกเข้าปากจำนวนมากนับไม่ถ้วน ผมไม่หวังอะไรอีกแล้ว ผมลุกขึ้นจากกกองเศษประลักหักพัง เหยียดกายนอนบนเตียงอย่างหมดแรง กอดก่ายร่างสุดที่รักเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต ตาของผมหนักขึ้นทุกขณะ สติพร่าเลือนไปหมดจนไม่รู้ว่านี้คือความจริงหรือความฝัน ผมซบอกของบรู๊ซแน่นหายใจติดขัด เหงื่อท่วมทั่วตัว น้ำตาไหลรินลงที่ห่างตาช้าๆ สิ่งผมพอจะทำได้นั้นคือหลับตาและกล่าวคำสุดท้ายในชีวิตนั้นคือ ผมรักคุณ
#ฝากรบกวนผู้อ่านทุกท่านวิจารณ์ได้เต็มทีเลยนะคะเพื่อจะได้เอามาแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น
#ขอบคุณจ้า
ความคิดเห็น